เจาะลึกแชมเปี้ยน: Hwei

ทุก ๆ ความเข้ากันได้ก่อให้เกิดงานศิลป์ชิ้นเอก

สำหรับเหล่าศิลปินและผู้มากด้วยความคิดสร้างสรรค์ทั้งหลาย ความต้องการที่จะสร้างผลงานนั้นครองชัยเหนือความต้องการอื่นใดทั้งสิ้น การละเลงสิ่งต่าง ๆ ภายในจิตใจลงบนหน้ากระดาษหรือผืนผ้าใบคือสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ ไม่ต่างอะไรไปกับการสูดลมหายใจในทุกเมื่อเชื่อวัน

และนี่ก็เป็นสิ่งที่จริงแท้แน่นอนสำหรับ Hwei แชมเปี้ยนเมจเลนกลางตัวใหม่ล่าสุดของ League ผู้ที่พร้อมจะวาดฝันนิมิตอันเปี่ยมล้นภายในจิตใจของเขา แต่แทนที่จะวาดลงผืนผ้าใบ งานศิลป์ของ Hwei นั้นกลับผันแปรไม่หยุดนิ่ง เป็นภาพที่มีชีวิตที่จะส่งผลต่อใครก็ตามที่ได้ยลโฉมภาพเหล่านั้น

ด้วยพู่กันข้างกาย Hwei ก็พร้อมที่จะกวัดแกว่งทั้งพลังทำลายล้างหรือพลังสนับสนุน ทั้งควบคุมความคิดและอารมณ์ของใครก็ตามที่อยู่รอบกาย เขาอาจจะไม่มีอาวุธทรงพลังอย่างดาบหรือปืน แต่อย่าได้ประมาทพลังของศิลปินผู้เศร้าซึมและพู่กันของเขาเชียว

มากกว่าที่ตาเห็น

จุดเริ่มต้นของ Hwei นั้นเกิดจากเรื่องเล่าแห่งสามแนวคิด: ศิลปินจอมเวท ตัวละครแอนตี้ฮีโร่แสนเศร้าซึม และตัวเลนกลางเพศชายผู้มีร่างเป็นมนุษย์ในแบบที่ไม่มีผิวสีม่วงหรือโครงกระดูกภายนอกแบบสัตว์เปลือกแข็ง ไอเดียเรื่องศิลปินจอมเวทนั้นได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลาสักพักแล้ว และพนักงาน Riot หลายคนก็ได้เข้ามาช่วยเนรมิตแนวคิดนี้ให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

11192023_HWEI23ChampionInsightsArticle_01AnimationStudy.jpg

“ทันทีที่ความเป็นไปได้ในการสร้างศิลปินจอมเวทเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา ทุกคนต่างก็สนใจเรื่องนี้กันสุด ๆ” Isa Mari “orkidian” De Leon นักเขียนเนื้อเรื่องกล่าว “นี่ถือเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจมาอย่างยาวนาน แต่ก็ยังไม่เคยทำให้เป็นจริงสักที ฉันเลยรู้สึกโชคดีอย่างมากที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับแชมเปี้ยนใหม่ตัวนี้เป็นตัวแรก”

นอกจากนั้นทีมแชมเปี้ยนของเราก็ยังอยากทิ้งท้ายปีนี้ไปพร้อมกับความซับซ้อน ด้วยการเปิดตัวแชมเปี้ยนที่มีเพดานทักษะแบบสูงลิบลิ่ว

แต่การที่จะประกบชุดสกิลที่ยากจะชำนาญให้ออกมาเข้ากับธีมศิลปะของ Hwei นั้นไม่ใช่อะไรที่ทำได้ง่ายเอาเสียเลย มีนักออกแบบเกมสามคนเข้ามาช่วยในกระบวนการนี้ โดยแต่ละคนต่างก็ได้รับมอบหมายให้สรรค์สร้างเวอร์ชันสุดท้ายออกมา แต่หลายอย่างก็ยังไม่ค่อยลงตัวสักเท่าไรนัก ดังนั้นก่อนที่คอนเซปต์ของแชมเปี้ยนตัวนี้จะถูกวางกลับขึ้นไปบนหิ้งเพื่อเปิดทางให้กับไอเดียอื่น ทางทีมจึงตัดสินใจที่จะขอลองสร้างเกมเพลย์ของเขาแบบซึ่ง ๆ หน้าขึ้นมาก่อน (ไว้คุยเรื่องนี้ภายหลังนะ) ผลปรากฏว่า เนื้อเรื่องและงานอาร์ตของเขานั้นกลับพัฒนาการไปพร้อมกันซะงั้น

พลังเวทและนิมิตของ Hwei เกิดขึ้นมาเป็นภาพที่เห็นได้ชัดเจนมากขึ้น และได้รับการแต่งแต้มด้วยสีสันอันฉูดฉาด ซึ่งช่วยสื่อถึงสกิลใหม่ของเขาได้เป็นอย่างดี ตอนนี้เขาถือครองทั้งพู่กันจากไอโอเนียและถาดสีสันสดใส และพลังของเขาก็ถูกขับเคลื่อนด้วยการแสดงออกทางศิลปะของเขาเอง

คอนเซปต์ช่วงต้นของ Hwei จากศิลปิน Nancy “Sojyoo” Kim
คอนเซปต์ช่วงต้นของ Hwei จากศิลปิน Nancy “Sojyoo” Kim

“ฉันน่ะแอบคอยมานานแล้วว่าเมื่อไรที่เราจะได้ลงมือเรื่องศิลปินจอมเวทกันสักที” ผู้กำกับศิลป์ Gem “Lonewingy” Lim หัวเราะ “เราอยากที่จะสร้างจอมเวทที่สามารถผสมผสานเวทมนตร์ต่าง ๆ ได้ แต่แนวคิดแบบจอมเวทสรรพธาตุหรือดรูอิดนั้นได้ถูกทำซ้ำมาหลายครั้งแล้ว แถมธีมศิลปะนั้นก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแง่รูปแบบเกมเพลย์ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ด้วย”

พลังภายในของ Hwei นั้นจะสำแดงออกมาในตอนที่เขาวาดภาพ เผยให้เห็นถึงเม็ดสีมากมายและจินตภาพหลากสีสัน ขุมพลังของเขาไม่ได้มาจากตัวพู่กัน แต่เป็นความสามารถทางศิลปินภายในตัวเขาต่างหาก

“Hwei ไม่ใช่ทั้งนักรบหรือนักดาบ ดังนั้นเราจึงไม่อยากให้มองว่าพู่กันคือสิ่งที่มาช่วยยกระดับความสามารถของเขา พลังที่ว่านั้นคือพลังที่มาจากภายในทั้งหมด และเมื่อพูดถึงจอมเวทแล้ว ฉันก็คิดว่าขุมพลังที่มาจากภายในแบบนี้ดูจะเข้าท่ามากกว่า” orkidian กล่าว

ภาพคอนเซ็ปต์สุดท้ายของ Hwei โดย Gem “Lonewingy” Lim
ภาพคอนเซ็ปต์สุดท้ายของ Hwei โดย Gem “Lonewingy” Lim

รูปลักษณ์ภายนอกของ Hwei นั้นช่วยบอกใบ้ถึงพลังความสร้างสรรค์ที่ปั่นป่วนอยู่ภายในตัวของเขา สหายผู้โศกเศร้าผู้นี้ดูแล้วไม่ค่อยจะสดใสนัก แตกต่างกันคนละขั้วกับจานสีทรงพลังของเขา... และดวงตาของเขาก็จะเปลี่ยนสีไปตามอารมณ์ที่ผันแปร ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้

“เขาจำเป็นต้องแสดงออกถึงความรู้สึกและจินตนาการที่ถูกกลบฝังอยู่ในจิตใจออกมาในรูปแบบของเวทมนตร์ ซึ่งได้กลายเป็นธีมที่เชื่อมโยงถึงแหล่งพลังของเขา หรือก็คือพลังในการแสดงออก และปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในตัวของคุณออกมา” orkidian กล่าว

“ยังมีอะไรมากกว่าแค่ตาเห็นสำหรับคนอย่างเขา” Lonewingy กล่าวเสริม “คุณไม่รู้หรอกว่ายังคงมีสิ่งสวยงามเกิดขึ้นในหัวของเขา รวมไปถึงวิธีการมองโลกความเป็นจริงในแบบของเขาเอง นั่นแหละคือแนวคิดศิลปะแบบอิมเพรสชันนิส (ความประทับใจแรก) และวิธีการที่เขาควบรวมความเพ้อฝันเข้ากับความเป็นจริง อย่างเช่นประสบการณ์จริงเข้ากับจินตนาการที่มี หรือก็คือแนวคิดศิลปะแบบเซอร์เรียลลิซึม (เหนือจริง) นั่นเอง”

11192023_HWEI23ChampionInsightsArticle_04HweiAnimation.gif

Hwei คืออัจฉริยะแท้จริงในแนวทางของเขา แต่แม้จะประกอบด้วยความหัวแหลมและความชำนาญมากมาย แต่เขาก็มาพร้อมกับความอ่อนน้อมถ่อมตนที่สูงแบบลิบลิ่ว ทำให้ศิลปินผู้นี้เชื่อว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่าเดิมเสมอ

“เขาคือหนึ่งในศิลปินที่ยอดเยี่ยมที่สุดแห่งยุคอย่างแท้จริง แต่เขาก็ไม่เคยยอมรับข้อนี้เลยสักครั้ง” orkidian หัวเราะ

แต่ความมุ่งมั่นที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็ย่อมมาพร้อมการเสียสละ Lonewingly ถ่ายทอดความมุ่งมั่นที่ Hwei มีต่องานศิลป์ ผ่านรูปลักษณ์ภายนอกของเขาที่ดูบิดเบี้ยวผิดปกติ เวลาและความพยายามที่ Hwei ทุ่มเทไปกับงานศิลป์ของเขาทำให้เขาไม่ค่อยได้สนใจภาพลักษณ์ที่เขามีต่อโลกภายนอกสักเท่าไรนัก และแม้ว่าเขาจะให้ความสำคัญกับผลงานมากกว่าตัวศิลปิน แต่เขาก็ยังคงมีภาพแทนแบบ "เพึ่งตื่นนอนออกมาจากสตูดิโอวาดภาพ" อยู่ดี

“เขาไม่เคยคิดว่าเขาจะต้องนำเสนอตัวเองอย่างไรให้ได้รับการยอมรับ เขาแค่แบบ ไม่แคร์ไม่สน ฉันสนใจแค่สิ่งที่ฉันอยากจะทำเพียงเท่านั้น” Lonewingy หัวเราะ “พวกเรามีตัวละครที่แบบว่า เห็นได้ชัดเลยว่าเธอคนนี้ชอบแต่งตัว หรือเขาคนนี้ชอบทำผมทรงแบบนี้ แต่กับ Hwei แล้วเขาพร้อมที่จะทุ่มเททุก ๆ สิ่งให้กับความหลงใหลของเขา ซึ่งก็คือการวาดภาพและความเป็นศิลปิน”

ทุ่มสุดตัวไปกับจินตนาการ

ชีวิตวัยเด็กของ Hwei นั้นถูกใช้ไปในวิหารบนเกาะขนาดเล็กของไอโอเนียที่มีชื่อว่าโคเยห์น พร้อม ๆ กับการฝึกฝนศิลปะแห่งการวาดภาพในวัยเยาว์ วิหารแห่งศิลปะแสนมีชื่อเสียงแห่งนี้ตั้งอยู่ในเมืองโรงสีขนาดเล็ก และทำหน้าที่เป็นสถานที่สำหรับเรียนรู้ศาสตร์แห่งความเที่ยงตรงและความสมดุลที่ศิษยานุศิษย์ต้องใช้เพื่อควบคุมเวทมนตร์แห่งศิลปะ

แต่เมื่อ Hwei พยายามที่จะควบรวมจินตนาการอันรุนแรงของเขาเข้ากับพรสวรรค์ด้านการวาดภาพที่เขามี อาจารย์สูงสุดประจำวิหารกลับบอกให้เขาควบคุมความสามารถของเขาเอาไว้ เพื่อประโยชน์ของจารีตเดิมที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา

ภาพคอนเซ็ปต์วิหารของ Hwei ในโคเยห์น
ภาพคอนเซ็ปต์วิหารของ Hwei ในโคเยห์น

“สุดท้ายเขาก็ลงเอยด้วยการทำร้ายผู้คนด้วยพลังแห่งการแสดงออกในวัยเยาว์ แต่เขากลับรู้สึกทึ่งอย่างมากกับพลังนั้น และรู้สึกได้ถึงแรงผลักดันทางศิลปะที่ทำให้เขาอยากสำรวจให้เข้าใจ” orkidian อธิบาย “ดังนั้นเขาจึงใช้ชีวิตควบคู่ไปกับขั้วตรงข้ามทั้งสองระหว่างการวาดภาพในสิ่งที่เขาควรและสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ กับการวาดภาพออกมาในสไตล์ที่สื่อถึงการแสดงออกรุนแรงและการสะท้อนถึงอารมณ์ลึกซึ้งเพียงเท่านั้น”

จินตภาพที่ Hwei มีนั้นเป็นอนันต์ เขาจึงต้องฝึกฝนศิลปะที่แท้จริงของเขาอย่างลับ ๆ ซึ่งทำให้เขาทั้งหลงใหลและหวาดกลัวในพลังของเขาเอง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็เป็นผู้ที่ได้รับความเชิดชูในวิหาร เป็นผู้ที่ได้รับความเคารพเป็นอย่างดีคนหนึ่งในชุมชน ขณะที่ปกปิดพลังของเขาที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมไปพร้อม ๆ กัน

วันเวลาผ่านไป มีศิลปินมากความสามารถคนหนึ่งเดินทางมาที่วิหารเพื่อที่จะรับชมผลงานของเขา เขาเข้าใกล้ Hwei มากขึ้นเรื่อย ๆ ไปพร้อมกับวันเวลาที่ผ่านไปในโคเยห์น แต่การมาเยือนของเขากลับลงเอยที่สุรเสียงแห่งการทำลายล้างและความตาย เป็นการฉีกเส้นทางชีวิตของ Hwei ไปตลอดกาล

“Jhin เจ้าเบิกเนตรให้ข้าได้ประจักษ์ต่อหลายสิ่ง แต่ข้าจะไม่ละเว้นเจ้าจากสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน”

- เสียงพากย์ของ Hwei ที่เขาจะพูดเมื่อพบกับ Jhin เป็นครั้งแรกในเกม

“Hwei ไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของ Jhin จนกระทั่งมันสายเกินไป” orkidian อธิบาย “และความซับซ้อนนั้นก็ยังคงอยู่ต่อไปแม้เมื่อความโหดร้ายดังกล่าวเกิดขึ้น ชายคนนี้ทรยศข้าและไม่ใช่คนในแบบที่ข้าคิด แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทำให้ข้าประจักษ์และเข้าใจถึงศิลปะของข้าในระดับที่ข้าไม่เคยคิดที่จะเหยียบย่างไปถึงมาก่อน และแสดงให้ข้าเห็นถึงผลงานที่ยกระดับไปอีกขั้น”

นับตั้งแต่การโจมตีวิหารของ Jhin ตัวของ Hwei นั้นก็แตกสลาย เขาต้องการคำตอบ จึงออกเดินทางต่อไปยังไอโอเนียอันยิ่งใหญ่เพื่อค้นหาคำตอบที่จะช่วยบรรเทาจิตใจ พร้อม ๆ กับที่เขาพยายามทำความเข้าใจในประสบการณ์ที่พบเจอ เขาก็ได้สร้างให้เกิดเป็นบุคลิกแสนรุนแรงและชอบเผชิญหน้า แต่ก็ทั้งใจดีและมีความเข้าอกเข้าใจ เคร่งขรึมและลึกลับ แต่ไม่มีวันยอมแพ้

11192023_HWEI23ChampionInsightsArticle_06_HweiWalk.gif

“Hwei ได้พบเจอกับประสบการณ์การสูญเสียที่ร้ายแรง แต่ก็ยังระเบิดพลังออกมาในฐานะศิลปิน มิใช่ผู้ล้างแค้นหรือผู้เหยียดหยาม เขาสามารถก้าวข้ามความสูญเสียและความวุ่นวายภายในใจได้ในที่สุด ผ่านงานศิลป์ของเขา ” orkidian กล่าว

ความซับซ้อนคือธรรมชาติที่เกิดขึ้นในตัว Hwei ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านสกิล บุคลิก และอดีตที่เขาพบเจอ เขามีความมืดอยู่ภายในตัวที่คอยพร่ำระลึกถึงการแสดงออกแสนทรงพลังและไร้ขีดจำกัดของ Jhin แต่ด้วยความใจดีและความเข้าอกเข้าใจของ Hwei ก็ทำให้เขายังคงหลงเหลือแสงสว่างอยู่ภายในตัว

“นี่ไม่ใช่ตัวละครที่คุณจะสามารถอ่านขาดได้ทั้งหมด” orkidian กล่าว “ความลึกซึ้งในการเล่นนั้นมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับความลึกซึ้งในการบอกเล่าเรื่องราว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สนุกมากสำหรับฉันที่จะได้เขียนและลงลึกไปกับทุกแง่มุมที่เขานำเสนอ และฉันหวังว่านี่จะเป็นสิ่งที่สนุกสำหรับผู้เล่นเช่นกัน ในการลงลึกว่าอะไรทำให้เขาเป็นตัวละครที่ใช่ พร้อมกับพยายามที่จะค่อย ๆ ปะติดปะต่อเรื่องราวของเขาไปพร้อม ๆ กัน”

อีกทั้งเขายังเป็นตัวละครที่คุณไม่สามารถเล่นครั้งเดียวแล้วเซียนเลย ดังนั้นขณะที่คุณกำลังปะติดปะต่อเรื่องราวไปกับทฤษฎีเนื้อเรื่องอันซับซ้อน คุณก็สามารถสร้างการเล่นสุดหล่อเท่แบบ 300 IQ ไปพร้อมกัน

ชุดสกิลแสนซับซ้อน

สกิลของ Hwei นั้นเป็นการมอบเครื่องมือให้คุณสามารถต่อกรได้กับทุกปัญหาที่คุณพบเจอใน Rift เขาสามารถใช้สกิลได้ทั้งหมด 10 สกิล โดยตำราเวททั้งสามจะบรรจุไปด้วยสกิลสามสกิล ควบคู่กับสกิลอัลติเมทอีกหนึ่ง เพื่อสนับสนุนเพื่อนร่วมทีม เสริมพลังให้ตนเอง และสังหารศัตรู

Hwei นั้นถูกสร้างมาให้เป็นเมจที่เน้นมุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้เล่นทักษะระดับสูงมาโดยเสมอ แต่เราก็จำเป็นต้องพยายามกันอยู่หลายครั้งเพื่อระบุจุดเด่นในเกมเพลย์ของเขา อย่างที่เราได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ นักออกแบบเกมหลายคนได้เข้ามีส่วนร่วมในสกิลของ Hwei โดยลองทำสิ่งใหม่ ๆ เช่นการปรับแต่งเวทซัมมอนเนอร์และการใช้ประโยชน์จากกำแพง แต่เมื่อนักออกแบบเกม Myles “Riot Emizery” Salholm ได้เสนอไอเดียเรื่องการผสมสกิลขึ้นมา นักออกแบบเกม Daniel "Riot Maxw3ll" Emmons ก็ทิ้งเรื่องนี้ไปแล้วไปสร้างให้เกิดกลายเป็นโหมดที่เรียกกันว่า Arena

การสำรวจงานศิลป์ภาพความแตกต่างของแต่ละสกิล
การสำรวจงานศิลป์ภาพความแตกต่างของแต่ละสกิล

“Jonathan ‘EndlessPillows’ Fuller จึงนำสิ่งต่าง ๆ จาก Maxw3ll มาใช้เพื่อสร้างเป็นกฎการผสมสกิลพื้นฐาน แนวคิดของมันคล้าย ๆ กับอะไรที่เรียกว่าอัลกอริทึมเลย เช่นสกิลของ Q2 ทั้งหมดจะเป็นแบบโปรเจกไทล์ และสกิลของ E2 ทั้งหมดจะเป็นสกิลที่คล้ายกับสกิล Fox-Fire ประเด็นนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก และนั่นแปลว่ายังมีอีกหลายเรื่องให้ต้องจัดการ” Riot Emizery กล่าว

แต่ก็มีบางอย่างที่ดูแล้วยังไม่ค่อยลงตัว ดังนั้นชุดสกิลของ Hwei จึงถูกปรับเปลี่ยนแบบหน้ามือเป็นหลังมือ และมาลงเอยที่เขามีสกิลทั้งหมด 10 สกิลอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ การเปลี่ยนแปลงการออกแบบที่ว่านี้ทำให้การเล่าเรื่องและงานศิลป์ของ Hwei นั้นเปิดกว้างเป็นอย่างมาก ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนที่สอดคล้องกับเกมเพลย์ของเขา

Riot Emizery มุ่งเน้นให้สกิลของ Hwei นั้นเกี่ยวข้องกับหัวข้อวาดภาพหลัก ๆ สามเรื่องก็คือ ความหายนะ ความสงบ และความทรมาน ด้วยการเลือกหัวข้อ จะเป็นการเลือกว่าคุณจะวาดภาพอะไร ตำราเวทเล่มใดที่คุณจะเปิดใช้ แล้วพลังเวทแบบไหนที่คุณต้องการที่จะเนรมิต ภายในหัวข้อทั้งสามนี้ จะประกอบด้วยสามสกิล: ความหายนะเน้นที่สกิลสร้างความเสียหาย ความสงบจะมุ่งเน้นในเรื่องอรรถประโยชน์ และความทรมานจะสนใจเรื่องการควบคุมพื้นที่

ภาพคอนเซ็ปต์สำหรับสัญลักษณ์แห่งความหายนะ ความสงบ และความทรมาน
ภาพคอนเซ็ปต์สำหรับสัญลักษณ์แห่งความหายนะ ความสงบ และความทรมาน

“ชุดสกิลมากมายขนาดนี้สำหรับเลือกใช้ในหลากหลายสถานการณ์ที่ต่างไปนั้นถือเป็นเรื่องยากที่จะเล่นให้ชำนาญ แต่ไม่ต้องกลัวที่จะลองเล่น Hwei หรอกนะ มีหลาย ๆ คนที่ได้ลองเล่น Hwei ในเกมแรกแล้วรู้สึกประทับใจอย่างไม่คาดคิดเลยล่ะ” Riot Emizery กล่าว “ผมได้ใส่สิ่งที่ผมเรียกว่าปุ่มสแปมกดให้กับเขาด้วยนะ” เขากล่าว

โดยพื้นฐานแล้ว การกดปุ่ม Q, W หรือ E สองครั้งน่าจะให้ความรู้สึกดีกับคนที่ชอบกดปุ่มแบบสแปมทั้งหลายอย่างแน่นอน แต่คุณไม่สามารถไปต่อได้ไกลด้วยการสแปมปุ่มแบบนี้หรอกนะ (หรืออาจจะได้ แต่คุณจะไต่อันดับไปได้ไม่ไกลนักหรอก)

“ท้ายสุดแล้ว เป้าหมายความสมดุลในระยะยาวของ Hwei นั้นจะไม่เน้นไปที่กลุ่มผู้เล่นที่มีทักษะต่ำ เขาคือตัวละครสำหรับผู้เล่นระดับสูงที่พยายามจะรีดเค้นความสามารถของตัวละครนี้ออกมาให้ได้มากที่สุด โดยคุณจะมีโอกาสมากขึ้นในการขึ้นไปยังอันดับสูง ๆ หากคุณชำนาญในการเล่นตัวละครนี้”

เพื่อที่จะเชี่ยวชาญสกิลมากมายของ Hwei นั้นจำเป็นต้องเข้าใจก่อนว่าควรใช้สกิลไหนในเวลาใด ซึ่งนี่ถือเป็นศิลปะในตัวของมันเอง

“คุณสามารถผสมสกิลที่ต่างออกไปได้เสมอโดยที่ไม่ถูกผูกมัดกับคอมโบใดคอมโบหนึ่งโดยเฉพาะ” Riot Emizery กล่าว “สิ่งนี้จะช่วยเสริมความรู้สึกของการผสมสีและตัดสินใจในแบบศิลปิน แทนที่จะ ‘ฉันแค่ทำตามสิ่งที่ฉันเรียนรู้มาใน 10 เกมที่ผ่านมา และฉันก็จะใช้คอมโบเดิมซ้ำ ๆ ไปตลอด’”

แม้ว่าจะมีสรรพาวุธที่กว้างขวางขนาดนี้ ก็อาจจะมีบางเกมเหมือนกันที่สกิลของ Hwei นั้นชวนให้รู้สึกไม่ได้มีประโยชน์นัก นั่นเป็นสิ่งที่เราจงใจให้เกิดขึ้น ดังนั้นอย่าคาดหวังว่าสกิลต่าง ๆ แต่ละแบบนั้นจะตอบโจทย์กับทุก ๆ เกมเชียวล่ะ คุณอาจจะลงเอยต้องใช้สกิลใดสกิลหนึ่งที่ส่งผลดีมากกว่า เพื่อพลิกแพลงกับแชมเปี้ยนศัตรู หรือคอมโบกับเพื่อนร่วมทีมของคุณ

“ทุก ๆ สกิลจะมีจุดประสงค์การใช้งานที่เฉพาะต่างกันไป เนื่องจากเราต้องการทำให้แน่ใจว่าสกิลนั้นจะมีเหตุผลมากพอที่จะใช้งาน มากกว่าอีกสองสกิลที่เหลือ” Riot Emizery อธิบาย “บางเกมคุณอาจจะพบว่ามีบางสกิลที่คุณแทบไม่ได้ใช้งานเลย และคุณก็อาจรู้สึกแย่ต่อสกิลนั้นในระหว่างเกมนั้น ๆ แต่ก็จะมีอีกเกมหนึ่งที่คุณจะรู้สึกว่าสกิลดังกล่าวเป็นสกิลที่ดีที่สุดจากทั้งหมด และคุณจะใช้สกิลนั้นทันทีที่คูลดาวน์หมดลง”

เป็นเวลาสักพักแล้วนับตั้งแต่ที่ทีมแชมเปี้ยนได้ทุ่มเวลากว่าหลายปีในการออกแบบประสบการณ์ไปกับแชมเปี้ยนตัวใหม่ ด้วยความหลากหลายของชุดสกิลที่เขามี Hwei จะช่วยจุดประกายระดับทักษะใหม่แห่งการแสดงออกทั้งในเลนกลาง และในเกม League โดยทั่วไปด้วย ทีมพัฒนาของ League นั้นมองหาเส้นทางใหม่ที่จะช่วยให้ผู้เล่นได้แสดงออกถึงความเชี่ยวชาญของพวกเขาและได้ถ่ายทอดทักษะที่พวกเขามีไปกับ Rift อยู่เสมอ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้เปี่ยมด้วยนิมิตที่มาพร้อมศิลปะอันน่าเกรงขามผู้นี้จะช่วยให้คุณเข้าถึงประเด็นดังกล่าวได้นะ